โปรดทราบ
ชิ้นข่าวที่คุณกำลังดูอยู่ในรูปแบบเวบไซต์เก่า อาจจะมีปัญหาในการแสดงข้อมูลในเวอร์ชันบราวเซอร์บางเวอร์ชัน

ปิด

เรื่องราวประวัติศาสตร์ของการพัฒนารถถัง #4

ประวัติศาสตร์
ในภาษาอื่น: en vi zh-tw ja

ปฏิบัติการบาร์บารอสซา

เยอรมันและโซเวียต ลงนามใน Molotov–Ribbentrop Pact, ในทางเทคนิคนั้นรวมพวกเขาเป็นพันธมิตร และแยกโปแลนด์เป็นสองข้างในปี 1939. แต่วันที่ 22 มิย 1941, กองกำลังเยอรมันจำนวน 3 ล้านคนยกพลไปยังแนวหน้าเยอรมันโซเวียตอย่างลับๆ และเริ่มการบุกเข้าโซเวียต

แม้ว่าการพยายามบุกของเยอรมันจะสำเร็จอย่างงดงาม เยอรมันพว่าตัวเค้านั้นกำลังมีปัญหาใหญ่ รถถังโซเวียตอย่าง KV-1 และ T-34 ดูเหมือนจะทรงพลังกว่าที่พวกเขาได้คาดไว้

 <ซ้าย: KV-1 รถถังหนัก / ขวา: T-34 รถถังกลางในการทดสอบ>

ทางโซเวียต ได้รักษาอุตสาหกรรมเหล็กล้าไว้ตลอด และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์นี้ ทั้งทรัพยากร และเวลาในการผลิตของการออกแบบรถถัง รวมทั้งแบบเบา กลาง และหนัก  กองกำลังโซเวียต แรกเริ่มใช้งานรถถังเบา BT เช่นเดียวกันกับรถถัง T-26 ที่ยังขายให้จีน ซึ่งภายหลังกลายเป็นยานเกราะหลักของพรรคชาตินิยมจีน โซเวียตคงรักษาป้อมปืนหลายอันอย่าง T-28, ซึ่งมีแค่หนึ่งป้อมปืนที่มีปืน 76mm และสองป้อมปืนรอง แต่ละอันมีปืนกลขนาด 7.62mm และยังมีเกราะหนา 80mm และความสามารถในการใช้วิทยุ

มันเป็นที่ชัดเจนว่ารถถังโซเวียตได้ไม่ดีในการเริ่มต้น แต่ T-34 ที่ผลิตในปี 1940 เป็นความคืบหน้าของการปฏิวัติ ถังนี้มีระบบกันสะเทือนใหม่ที่ถูกคิดค้นโดยวิศวกรชาวอเมริกันเจวอลเตอร์คริสตี้ ระบบของตัวเองที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ถนนล้อขนาดใหญ่โดยเฉพาะกับระบบลูกกลิ้งกลับไม่มีสำหรับการทำงานบนของแทร็ค นี้แปลเป็นช็อตดูดซับที่ดีเยี่ยมผลพร้อมกับความสามารถในการข้ามประเทศ

ตัวถังของ T-34 สร้างให้โค้งลง  ซึ่งสะท้อนกระสุนจากศัตรูได้ ตัวป้อมปืน และขนาดนั้นทำหน้าที่สะท้อนได้ดี ข้างใน T-34 ใส่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ที่ทำความไวสูงสุดที่ 55 km/h, หรือใช้งานในความเร็ว 30 km/h เมื่อข้ามพื้นที่  ระยะการเดินทางที่ไกล และตีนตะขาบกว้าง สร้างให้รถถังคันนี้เหมายในการข้ามพื้นที่หลากหลายในโซเวียต (เช่นหิมะ โคลน หรือ หนองน้้ำ).

 <ซ้าย: ส่วนที่โค้งของ T-34 นำเสนอในส่วนหน้าที่เล็กลง / ขวา: The German minister of Armaments and War Production, Dr. Albert Speer, สำรวจ T-34 อย่างใกล้ชิด>

ในเรื่องของอาวุธ  T-34 ติดตั้งปืน 76mm เป็นที่รู้กันว่าทำการเจาะเกราะได้ดี รถถังเยอรมันมีความยากลำบากในการทำลายg T-34 มากกว่าระยะ 500 เมตรขึ้นไป, แต่ T-34 สามารถทำลายรถถังเยอรมัน Panzer III หรือ Panzer IV ได้อย่างสบายในระยะมากกว่า 1000m. พลังยิง ความไว และการป้องกันของ T-34 ดีกว่ามาก เมื่อเทียบกับ Panzer III และ Panzer IV   และมันถือว่าเป็นรถถังที่ดีที่สุดในโลกในเวลานั้น

รุ่นก่อนหน้า T-34 ถูกเรียกว่า T-34/76 เพราะปืน 76mm ระหว่างการปรับปรุงรุ่นของ T-34   ภายหลังสวมใส่ปืน 85mm  บางปีหลังจากนั้น  ในปี 1940, 1942 และ 1943  รุ่นของ T-34 สามารถพลางตัวโดยรูปร่างของป้อมปืน เพราะ T-34 นั้นง่ายในการผลิต และมีมากกว่า 62,000 คันของ T-34/76 ที่ผลิต  มันกลายเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่ T-34 เป็นรถถังที่ผลิตมากที่สุดในโลกในระหว่าง WWII.

<ซ้าย: กองทัพเยอรมันใช้งาน T-34 ที่ยึดได้ / ขวา:  PLA's T-34-85, สนับสนุนโดยทางโซเวียต>

แต่ละ T-34 ได้รับการจัดการโดยลูกเรือสี่ท่าน: ผู้บัญชาการ / มือปืน พลวิทยุโทรเลข, พลขับรถและพลโหลด  เป็นครั้งคราว, T-34 จะเข้าสู่การต่อสู้มีเพียง 3 ลูกเรือแทน (ลบพลวิทยุโทรเลข) เมื่อหันหน้าไปทางกองทัพเยอรมันในเขตโซเวียตมักจะใช้กลยุทธ์คลื่นมนุษย์และตรงกับคุณภาพของเยอรมันโดยตัวเลขที่ชัดเจน เพราะไม่มีใครสามารถทำนายอายุการใช้งานของรถถังเมื่อพวกเขาถูกนำไปใช้ลงในสนามรบโซเวียตเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลิตมวลกว่า pefecting ทุกหน่วยเดียว หากคุณเคยได้รับโอกาสที่จะสังเกตเห็นรถถังโซเวียตในบุคคลที่คุณจะสังเกตเห็นพื้นผิวขรุขระอยู่บนพวกเขา ในทางตรงกันข้ามเยอรมนีมีทรัพยากรน้อยลงและเป็นที่รู้จักสำหรับเทคนิคโลหะการประมวลผลของตนเพื่อให้รถถังเยอรมันที่มีคุณค่ามากขึ้นและมีพื้นผิวสำเร็จรูปมากขึ้น

<ซ้าย: A T-34 ใน Panzermuseum Munster, เยอรมัน  / ขวา: A T-34-85 ใน Panzermuseum Munster, เยอรมัน

แม้ว่าทางโซเวียตจะมี T-34 และ KV-1 และ KV-2 , ทุกรถถังหนักมีเกราะที่หนา พวกมันมีความสามารถในการรบต่ำเนื่องจากขาดเทคนิค และระบบบัญชาการ ในทางกลับกัน ทางปืนต่อต้านรถถังเยอรมัน ในลำกล้อง 37mm หรือ 50mm ซึ่งหมายความว่าพวกมันเจาะด้านข้าง และท้ายของรถถังโซเวียจแบบหนักได้ในโอกาสสำเร็จที่มาก  ท้ายที่สุด ทางเยอรมันใช้งานปืนต่อต้านอากาศยาน 88mm เพื่อใช้งาน

รถถัง T-34 เป็นปัจจัยหลักในการทำงานของกองทัพเยอรมัน ที่ใช้ในการพัฒนารถถังใหม่ พวกมันมีลอกแบบจากทาง T-34 โดยตรง แต่ทิ้งไอเดียร์ของการไม่เหมาะในตัวเอง เช่นเดียวกับปัญหาด้านเครื่องยนต์  แม้ว่าทางเยอรมันจะพัฒนารูปแบบใหม่ของ  Panzer V ซึ่งใช้ชื่อว่า “Panther”.

<ซ้าย: สายการผลิตของรถถังช่วงแรกของPanther / ขวา: การปรากฎตัวของ Panther เหมือนเป็นยุคใหม่ของรถถัง

เช่นเดียวกันกับ T-34, รถถัง Panther มีเกราะที่โค้งลงในโครงสร้าง เพราะการเชื่อมที่ยอดเยี่ยมในเยอรมันเวลานั้น ทั้งตัวถัง และป้อมปืน สร้างโดยการเชื่อมต่อ  ปืนหลักของ Panther คือ 75mm, 70 ลำกล้องแบบยาว และ, พลังความเร็วในการยิงมากกว่าปืน 88mm ของรถถัง Tiger   การปรากฎตัวของ Panther ง่าย และนุ่มนวนในรูปแบบของรถถังรุ่นใหม่


<7.5 cm KwK L/70, อาวุธหลักของ Panther>

รถถัง Panther กลายเป็นรถถังรบหลักของเยอรมัน ทันทีที่เข้าสู่การบริการ ด้วยการผลิตมากกว่า 6,000 คัน การผสานของปืนที่ทรงพลัง และความสามารถในการทำความเร็วที่มากถึง 46 km/hr, พร้อมทั้งการป้องกันที่ดีจากเกราะโค้ง, รถถัง Panther เป็นที่รู้จักในวงกว้างว่าเป้นรถถังที่เยีย่มยอดที่สุดใน WWII. เฉพะารถถัง Tiger ที่สามารถปะทะกับ Panther ได้ในด้านชื่อเสียง และปริมาณ เนื่องด้วยการรบจำนวนมากที่พวกมันเข้าร่วม

ระหว่างการรบใน Bulge ท้ายปี 1944, รถถังเยอรมัน Panthers บางคันถูกทำให้เหมือนรถถังอเมริกาM10 แบบพิฆาค โดยใช้การพ่นสีเขียว ที่ใช้กันมากในอเมริกา  แม้ว่าน่าประทัยใจในทางทฤษฎีย์ แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ

<ซ้าย: รถถัง Panther ใน Panzermuseum Munster, เยอรมัน / ขวา : ส่วนหลังของรถถัง Panther>

“ลำกล้อง” หมายถึงค่าความยาวของลำกล้องที่ส่งโดยกระบอกปืน  ค่าที่มากนี้ ความยาวของลำกล้องก็ยิ่งมาก  ความยาวของลำกล้อง ทำให้แน่ในในความเร็วของกระสุนในการหมุน ภายในลำกล้อง ด้วยการช่วยในการเล็งข้างใน  ซึ่งหมายถึงพลังยิงที่มาก ความเสถียร และระยะที่ไกล

 

(ข้อความโดย Michael Fu;photos by Michael Fu & General Yu)

(ติดตามตอนต่อไป...)

ปิด