ยานเกราะติดล้อ เป็นรถงการรบที่หลากหลายที่มีตีนตะขาบ อย่างไรก็ตาม มันไปได้ในระยะทางไกลๆ เพื่อตัดผ่านบึง และอุปสรรคมากมาย ในการทำสงครามสนามเพลาะ ที่เอื้ออำนวยในการใช้ตีนตะขาบ
ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 1915, วิศวกรจาก Landships Committee เริ่มต้นในอาวุธที่น่าตื่นตา สำหรับกองทัพอังกฤษ รถยานเกราะอัตตาจร หลายเดือนในการทำงานอย่างหนัก มันก็เสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม มีของอื่นๆในการพัฒนา ที่พร้อมในการใช้งาน พวกมันคือยานเกราะติดล้อ ใกล้เคียงกับรถถังที่จะมาในอนาคต นายทหาร ที่เห็นมันว่ามีค่าในการเปลี่ยนกระแสการรบได้ในอนาคต ช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการที่กองทัพของยุโรป เตรียมใช้งานยานเกราะ คันแรกที่ได้เห็นในการรบ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บนแนวปะทะตะวันตก และตะวันออก.
เบลเยี่ยมเป็นประเทศแรกที่เผชิญสงครามที่เลวร้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปี 1914. นายทหารใน General Staff, Lieutenant Charles Henkart, ใช้งานรถ Minerva ส่วนตัวในการเข้าแนวหน้า เพื่อแน่ใจว่า ไปยังพื้นที่ปะทะ อย่างปลอดภัย รถถของเขานั้นมีแผ่นเกราะ และปืนกล 8-mm Hotchkiss เพื่อใช้ในการป้องกัน
ดังนั้น Minerva – ได้ชื่อตามเทพแห่งความฉลาดโบราณ มันพร้อมในการรบ ทำความไวที่ 90 km/h (ทางตรง) ไวพอในการเข้าโจมตีตำแหน่งของเยอรมัน น่าเสียดาย ที่ยานเกราะ โดนเยอรมันลอบโจมตี และทำลายไป Henkart ไม่รอด แม้ว่าสิ่งประดิษฐ์นี้จะสำเร็จในสนามรบ แต่ไม่มีใครสนใจมันเลย
กองทหารเบลเยี่ยม โจมตีปารีส , Major Auguste Colonne ประสบความสำเร็จกว่า เขาจัดตั้งรถยานเกราะเต็มอัตรารบ ปลายปี 1914. กองยานเกราะมีรถ Minerva และ Peugeot, ซึ่งใช้ปืน 37-mm และปืนกล ยานเกราะ ใช้งาน 4 พลทหาร ทำหน้าที่ผู้บังคับการ พลปืน ปลขับ และ ผู้ช่วยขับ บางคัยหนักถึง 4 ตัน!
ทาง Belgian Armoured Brigade ยังมีหน่วยซ่อม และจักรยานด้วย Major Colonne พิจารณาว่าหน่วยเขานั้นสุดยอด สั่งชุดเครื่องแบบจาก Parisian เขาชอบมีคนรับใช้ หนึ่งในทหารที่โดเด่นนั้นคือ Constant le Marin, คาดหวังให้เป็นผู้เขียนเรื่องราวของสงคามมที่มีชื่อ, "We will cut their heads off!" การรบนี้ในท้ายสุด กระจายไปจนถึงรัสเซีย หนึ่งในบุคคลที่เขียน อายุ 18 ปี ชื่อ Marcel Thiry, ที่เข้าร่วมหน่วยเพื่อ“หาความสนุก และเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์.”
หน่วยถูกสอบ จนถึง 1915 ใน Boulogne, ครั้งต่อมาถูกนำกลับไปยัง Flanders. หน่วยเบลเยียมรถหุ้มเกราะมีโอกาสน้อยมากที่จะนำไปสู่การต่อสู้ สงครามสนามเพลาะรถหุ้มเกราะได้ผลในทางปฏิบัติ
ประวัติศาสตร์ของ Royal Naval Air Service (RNAS) Armoured Car Division ของสหราชอาณาจักรนั้นคล้ายๆกัน หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มต้น อังกฤาใช้งานเครื่องบินในการสอดแนใ เมื่อถูกยิงตกจำนวนมาก นักบินจึงหายากมา กรหานักบินเป็นเรื่องหลัก และภารกิจนี้ คือการเชื่อใจในลูกเรือของยานเกราะ Lanchester ที่พัฒนาตามคำขอของ RNAS. ยานเกราะ Lanchester ถูกป้องกันโดยแผ่นเกราะหนา 8mm และติดตั้งปืนกล 7.62mm Maxim หรือ 7.7mm Lewis
ผู้บังคับการของ Armoured Car Division คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ เขาคือ Oliver Locker-Lampson, ตัวแทนอนุรักษ์นิยมในสภาของรัฐสภาอังกฤษ เช่นเดียวกับคู่ของเบลเยียมของเขาที่ผ่านมาผมมีเปลี่ยนของเขาเอง Rolls-Royce เป็นรถหุ้มเกราะ ค่าจ้างของคนขับรถหุ้มเกราะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันที่ทำให้เกิดการขัดแย้งระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสงครามเฮอร์เบิร์คิชและพระครั้งแรกของกองทัพเรือ Winston Churchill โปรแกรมควบคุมกองทัพทั่วไปได้รับค่าจ้าง 6 เพนนีต่อวันในขณะที่ตู้เก็บ Lampson จ่าย 10 เพนนีไดรเวอร์ของเขาต่อวัน
ทาง RNAS Armoured Car Division ถูกส่งไปยังแนวหน้าใน Flanders, และเหมือนเพื่อนร่วมงานเบลเยี่ยม มันไม่มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองระหว่างสงคราม ตามประวัติจาก Jaroslav Galubinov, “ตามความรุนแรงของการรบต่อทหารเยอรมันใน Flanders, หน่วยไม่ได้พิสูจน์อะไร ยานเกราะเคลื่อนที่เหล่านี้ ไร้ค่า ในสงครามที่ซึ่งมีรั้วลวดหนามมากมาย.”
พันธมิตไม่ได้ช่วยในรักษาสองหน่วยที่พร้อมรบ ที่ไม่เหมาะในการทำการปะทะทางตะวันตก การตัดสินใจในการส่งยานเกราะไปยังรัสเซีย ที่ซึ่งหน่วยกองพันเคลื่อนที่ที่ 1 ตั้งอยู่
ทางรัสเซีย มีนักสำรวจ ที่มาพร้อมหน่วยปืนกลเคลื่อนที่ ในปี 1906, Knyazh M. A. Nakashidze มาพร้อมความคิดเช่นนั้น เขาโดนฆ่าโดยระเบิด และไม่ได้ทำตามแผนนั้น
สิงหาคม 1914, Secretary of War V.A. Suchomlinov พิสูจน์การสร้าง "พน่วยกองพันยานเกราะปืนกลเคลื่อนที่". ตุลาคมของปีเดียวกัน หน่วยถูกส่งไปยังแนวหน้าตะวันตกเฉียงเหนือ ภายใต้คำสั่งของ Regiment Cornell A.N. Debrzhansky. ในเวลานี้ พลาทูนมียานเกราะที่สร้างในกันกระเทือน ของรถขนาดเบา Russo-Balt พาหนะมี 5 ลูกเรือ และแต่ละคนมี 3 ปีนกล Maxim ภายหลัง รถถูกซื้อเพิ่ม และ หน่วยปืนกลยานเกราะที่ 1 ได้รับยานเกราะ British Austin 1st Series มา
สงครามในปี 1914 ได้พิสูจน์การที่ยานเกราะสวมใส่เฉพาะปืนกล ซึ่งมันไม่เพียงพอ มันต้องการอะไรที่ใหญ่กว่า การพัฒนาเริ่มไม่นาน ในการติดตั้งปืนกล และปืนลำกล้องใหญ่ พื้นฐานของรถคันี้คือ American 5-tonne "Garford".
ยานเกราะใช้งานอย่างแพร่หลายเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานมัน ในแนวปะทะตะวันตก พวกมันมีประสิทธิภาพมาก พยานต่างบอกว่า, "เราไม่ได้ตระหนัก ว่าเงาดำน่ากลัวนั้นมาจากไหน เสียงของมันน่ากลัวมาก ในการเดินทางไปข้างหน้า จากที่หนึ่งไปอีกที... พวกมันมาใกล้เรื่อยๆ และจากนั้นก็ทำให้ความเย็นปกคลุมไปทั่วผ่านทหารเยอรมัน ไม่ช้า เสียงดีใจมาจากทหารรัสเซียในเมือง".นี้คือสิ่งที่เกิด และบอกเล่าจากการเห็น ยานเกราะ Russo-Balt เมื่อ 10 พฤศจิกายน , 1914 ในเมืองของ Stryków. สองปีต่อมา รถถังได้รับความรู้สึกเดียวกัน เมื่อพวกมันออกมาทดลองยิง
ตามกฎ แต่ละยานเกราะในกองทัพรัสเซียีชื่อของมันเอง ตัวอย่าง ปลายปี 1915, "Adsky" Austin 1st Series (ติดตั้งปืนกล) และ "Grozny" Garford (ติดตั้งปืนลำกล้องขาดใหญ่) ยานเกราะ ทำหน้าที่คุ้มกันพลทหารในการเดินทาง.
ยานเกราะด้วยปืนลำกล้องใหญ่ ได้รับหน้าที่หลักในการรบ มันมีปืนกลที่จำกัดการใช้งาน เพราะมันอาาจะยิงโดนเพื่อนในทีมได้ ทางเยอรมันในอีกด้านหนึ่ง ไม่มีคำตอบในเรื่องของพาหนะ Garford .
ในเวลานั้น นับรวมได้ 120 ยานเกราะที่ประสบความสำเร็จในการใช้งานในแนวปะทะรัสเซีย ที่ซึ่งมีการปะทะน้อยลงกว่าแนวปะทะตะวันตกอย่างไรก็ตาม ยานเกราะที่มีเครื่องยนต์ทรงพลัง นั้นเป็นสิ่งที่มีความต้องการมาก มันยังต้องอาศัยถนน (หรืออย่างน้อยเส้นทาง ) ในการทำงาน หน้าหนาว และใบ้ไม้ร่วง นำมาซึ่งสภาพอากาศและเส้นทางที่แย่ ในเวลานั้น ถนน จะผ่านไปได้ จากการติดตั้งโซ่ที่ล้อเท่านั้น
ถนนไม่ดีเป็นปัญหาเล็ก ๆบ่อยครั้ง ม้าเป็นที่ต้องการในการส่งของไปยังพื้นที่การรบ ยานเกราะทำให้มันทำหน้าที่ได้ยาวนาน บ่อยครั้งมันติดบ่อ และหนักไปในการข้ามสะพาน ในเรื่องเหล่านี้ หลายๆผู้นำทัพ ไม่ใช้งานยานพาหนะเหล่านี้
ยานเราะ ใช้งานโดย Locker-Lampson สู้ที่แนวหน้าของ คอเคเซียน และโรมาเนีย และ ยังมีส่วนในกองทัพรัสเซียในการบุกครั้งสุดท้าย มิถุนายน 1917 ในกรีก มันเป็นหายนะ หนึ่งในเจ้าหน้าที่เรียกมันว่า: "การบุกเจอการส่วนกลับด้วยการใช้แก๊ซ ปืนไฟ และ กลลวงมากมาย สหายของเราครองตำแหน่งไว้ได้ แต่ไม่เอื้อให้ไปข้างหน้าได้". ปี 1918, หน่วยทิ้งเครื่องจักรไว้ในสนามรบของ Kursk และ Vladivostok และกลับบ้านไป
สงครามโลกครั้งที่ 1 พิสูจน์ว่า มันยากในการทดสอบภาคสนาม ช่วงแรกของสงคราม เราพบยานเกราะระหว่างการรบ แต่ช่วงหน้าร้อน 1915 สงครามเป็นแบบสนามเพลาะ ในเรื่องนี้ ยานเกราะไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ ในสถานการณ์วิกฤต Cornell Ernest Dunlop Swinton ส่งจดหมายไปหา Commander of British Forces ในฝรั่งเศส, Field Marshal John French. ในจดหมาย เขากล่าวว่า "จำเป็นต้องพัฒนายานเกราะการรบใหม่ ในการใช้แทรคเตอร์นำมันเบนซินบนตีนตะขาบ".
Little ทำให้โลกรู้ว่า จดหมายง่ายๆ ก็เปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้.
ผู้แต่ง: Yuri Bahurin
ที่มา:
Boyen R. The division of Belgian armored cars in the Imperial Russian Army // The last war of the Russian Empire: Russian Empire, the world before, during and after the World War I according to documental sources from Russian and foreign archives. M., 2006. P. 226–232.
Golubinov Y. British soldiers of Air, Naval and Armored Divisions in Russian Empire // Warspot. 17.07.2016. http://warspot.ru/6596-britanskie-aviatsionnye-bronemoryaki-v-rossii.
Kirilets S. V., Kaninsky G. G. Combat vehicles in the Imperial Russian Army. «Combat vehicles academy» of General Sekretev. М., 2010.
Kolomiets M. V. Armored combat vehicle division in the Imperial Russian Army // Russian Empire in the World War I in 1914–1918: Encyclopedia. В 3 v. T. I. М., 2014. P. 212–221.
Popova S. S. Trials of Belgian soldiers in the Russian Empire // War-historical journal. 1996. № 2. P. 46–52.